(27) แล้วในวันกิยามะฮ์พระองค์ทรงให้พวกเขาอัปยศ และตรัสว่า “ไหนเล่าภาคีของข้าที่พวกเจ้าโต้เถียงกันในเรื่องของพวกเขา” บรรดาผู้รู้กล่าวว่า “แน่แท้ วันนี้ความอัปยศและความชั่วช้าจะประสบแก่พวกปฏิเสธศรัทธา
(28) “(คือ) บรรดาผู้ที่มะลาอิกะฮ์เอาชีวิตของพวกเขา โดยที่พวกเขาอธรรมต่อตัวเอง” ดังนั้นพวกเขายอมจำนน (พลางกล่าวว่า)“เรามิได้กระทำความชั่วใด ๆ “ เปล่าเลย! แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
(29) ดังนั้น พวกเจ้าจงเข้าประตูนรกเพื่ออยู่ในนั้นตลอดกาล ฉะนั้น ที่พำนักของพวกหยิ่งผยองมันชั่วช้ายิ่ง
(30) และได้ถูกกล่าวแก่บรรดาผู้ยำเกรงว่า “พระเจ้าของพวกเจ้าได้ทรงประทานอะไรลงมา?” พวกเขากล่าวว่า “ความดีทั้งนั้น” สำหรับบรรดาผู้ทำดีในโลกนี้คือความดี และแน่นอนในปรโลกนั้นย่อมดีกว่า และที่พำนักของบรรดาผู้ยำเกรงนั้นช่างดีเลิศ
(31) สวนสวรรค์ที่พำนักที่พวกเขาจะเข้าไปในนั้น มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างสำหรับพวกเขาที่อยู่ในนั้นจะได้สิ่งที่ต้องการ ในทำนองนั้น อัลลอฮฺทรงตอบแทนบรรดาผู้ยำเกรง
(32) บรรดาผู้ที่มะลาอิกะฮ์เอาชีวิตของพวกเขาโดยที่พวกเขาเป็นคนดี พลางกล่าวว่า “ศานติจงมีแด่พวกเจ้า จงเข้าไปในสวนสวรรค์เนื่องจากสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้”
(33) พวกเขามิได้คอยสิ่งใด นอกจากจะให้มะลาอิกะฮ์มาหาพวกเขา หรือพระบัญชาของพระเจ้าจะมา ในทำนองนั้นแหละ บรรดาผู้มาก่อนหน้าพวกเขาได้กระทำ และอัลลอฮ์มิได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาได้อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง
(34) ดังนั้น ความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ ก็จะประสบแก่พวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเคยเย้ยหยันไว้ ก็จะห้อมล้อมพวกเขา